การเรียนวิชาศิลปะ

การเรียนวิชาศิลปะ ประโยชน์ที่ช่วยให้เด็กได้ต่อยอดทางความคิด

วิชา “ศิลปะ”ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และยังส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อีกทั้งกิจกรรมทางศิลปะยังช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อหรือการประกอบอาชีพนั่นเอง

สำหรับคำตอบ และข้อดีของการเรียนวิชาศิลปะเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจอย่างลึกซึ้งสักทีเดียว ดังนั้นครูผู้สอนวิชาศิลปะจึงเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่สรรหากิจกรรมที่จะเพิ่มทักษะในการคิดเชิงสังเคราะห์ การได้สนุกกับศิลปะอย่างมีอิสระตั้งแต่เล็ก เสริมสร้างการเข้าสังคม และการเปิดโลกน้อยๆของลูกให้กว้างขวางขึ้น อีกทั้งศิลปะยังเป็นรูปแบบการแสดงความเป็นตัวของตัวเอง และได้สื่อสารความรู้สึกและอารมณ์ออกมาได้ ยิ่งถ้าได้สร้างงานเองอย่างอิสระโดยไม่ได้ลอกเลียนแบบ หรือถูกตีกรอบ

นั่นเท่ากับได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัว และประโยชน์ของศิลปะยังช่วยเด็กสำหรับการต่อยอดทางความคิด อีกทั้งยังช่วยให้เด็กมีความสนใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะการเรียนรู้ครั้งแรก จะเป็นการมอบประสบการณ์ครั้งแรกที่ติดตัวเขาไปตลอด และสิ่งเหล่านี้แหล่ะที่จะช่วยพอกพูนสะสมกลายเป็นความมั่นใจต่อไปได้อีก

การเรียนวิชาศิลปะ

หากถามว่าศิลปะดีกับลูกอย่างไร ไม่เพียงแต่ศิลปะจะช่วยฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อน้อยๆให้กับลูกเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่เด็กๆกำลังทำงานศิลปะ คือช่วงเวลาที่สมองน้อยๆกำลังรวบรวม สรรหา จัดส่วนประกอบต่างๆของสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ที่เขาได้รับรู้สะสมมา รวมทั้งความคิดที่มีต่อสิ่งรอบตัว สรุปออกมาเป็นความคิด แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรม

ศิลปะจึงเป็นสื่อนำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่จะมองความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งศิลปะช่วยก่อให้เกิดสุนทรียภาพ เบิกบานใจเพราะเด็กๆ จะซึมซับความปราณีต ความงดงามจากงานศิลปะที่ได้พบเห็น ได้ลงมือทำ สั่งสมไปเป็นจิตใจที่ปราณีต อ่อนโยน ไม่แข็งกร้าว เป็นจิตใจที่รับสัมผัสได้ไวต่อความงามที่อยู่รอบตัวจะทำงานสิ่งใดก็ต้องทำให้ดี ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการและการแสดงออกที่แตกต่างกัน

ดังนั้น พ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมศิลปะให้ลูกได้อีกทาง เพราะศิลปะสำหรับเด็กเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเด็กได้ทำหรือได้ปฏิบัติ จะมีความสุข ไม่รู้จักเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี การแสดง นาฏศิลป์ หรือการทำงานศิลปะต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นการพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม คือ การพัฒนาทั้งพฤติกรรม จิตใจ และสติปัญญา ที่เกิดการพัฒนาทั้งภายในและภายนอกของเด็กไปพร้อมๆกัน และศิลปะทุกแขนงนอกเหนือจากที่โรงเรียนแล้วยังสามารถเกิดขึ้นที่บ้านได้ด้วย

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ michiganbrittany.com

Releated